วิธีการดำเนินการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้ได้รับใบอนุญาต การดำเนินการศึกษาในสัตว์ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ระยะที่ 1 ศึกษาลักษณะที่ดีตามอุดมคติ ทำการคัดเลือกลักษณะที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลจากนักวิชาการร่วมกับปราชญ์ที่มีความรู้ในการคัดเลือกกระบือที่สวย นำมาจัดทำลักษณะเด่นในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และให้คะแนนหรือค่าน้ำหนักของแต่ละส่วน
ระยะที่ 2 (ระยะเวลา 1 ปี) ทำการศึกษาในกระบือปลัก (Bubalus bubalis) เพศผู้และเพศเมียจำนวน 175 ตัว ตัว อายุ 1 ปีขึ้นไป
ทำการตรวจวัดค่าลักษณะเด่นต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้ในระยะที่ 1 โดยการวัดจุดต่าง ๆ
จะทำการวัดจุดสำคัญโดยการใช้สายวัด และไม้บรรทัดความสูง (ภาพที่ 1) เปรียบเทียบกับเครื่องสแกนกระบือสามมิติ เมื่อได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ จะทำการวัดลักษณะทางกายวิภาคโดยใช้เครื่องสแกนแบบ 3 มิติ
ภาพที่ 1 แสดงการวัดด้วยไม้บรรทัดและสายวัด
วิธีการวัดด้วยเครื่องสแกนสามมิติ ประกอบไปด้วยสองขั้นตอนหลักๆ คือ 1. ขั้นตอนการสแกน และ 2. ขั้นตอนการวัดภาพร่าง
ในขั้นตอนของการสแกน เครื่องมือหลักที่ใช้ในการวัดภาพร่างคือ เครื่องสแกนกระบือ 3 มิติ ซึ่งประกอบด้วย กล้องแบบ web camera จำนวน 16 ตัว และเครื่องวิดีโอโปรเจคเตอร์ 6 ชุด (ภาพที่ 2) และใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย 1 เครื่อง เป็นตัวควบคุมจังหวะการทำงานของระบบ โดยจะส่งคำสั่งการสั่งฉายแพตเทิร์นและคำสั่งถ่ายภาพ ผ่านเครือข่ายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายทั้ง 3 เครื่องที่ต่อกล้องและวิดีโอโปรเจคเตอร์ไว้ (ภาพที่ 3)
ภาพที่ 2 กล้องและวิดีโอโปรเจคเตอร์
ภาพที่ 3 เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและลูกข่ายควบคุมกล้องและวิดีโอโปรเจคเตอร์
.
ก่อนเข้าเครื่องสแกนสามมิติ กระบือจะถูกนำมาติดมาร์คเกอร์เพื่อเป็นตัวช่วยบอกตำแหน่งจุดที่ต้องการจะวัดให้ชัดเจน หลังจากนั้นจึงนำกระบือเข้าเครื่องสแกนฯ โดยใช้เวลา 6 วินาทีต่อการสแกนหนึ่งครั้ง และใช้เวลาประมาณ 3-5 นาทีในการประมวลผล โดยข้อมูลจะอยู่ในภาพ cloud of points เป็นแบบจำลองกระบือสามมิติ (ภาพที่ 5)
ภาพที่ 4 การติดมาร์คเกอร์บอกตำแหน่งจุดวัด
ภาพที่ 5 โมเดลกระบือแบบสามมิติในภาพ Cloud of Points
.
ในขั้นตอนของการวัดภาพร่างกระบือนั้น จะทำการวัดได้ 2 ภาพแบบ คือ การวัดจากภาพถ่ายที่ได้จากกล้องสเตอริโอ และวัดจากโมเดลสามมิติ โดยการวัดขนาดจากภาพถ่ายนั้นจะเป็นการวัดระยะระหว่างจุด 2 จุดโดยตรง ซึ่งในบางจุดที่สังเกตุเห็นได้ลำบากจะใช้มาร์คเกอร์เป็นตัวช่วยระบุตำแหน่ง เช่น ปุ่มสะโพก, ปุ่มก้นกบ ในการวัดจะคำนวณหาพิกัด x, y, z ของมาร์คเกอร์แต่ละจุดแล้วมาคำนวณหาระยะห่างของจุดเหล่านั้น ( ดังภาพ 6 )
ภาพที่ 6 การหาพิกัด x, y, z ของมาร์คเกอร์จากภาพสเตอริโอซ้าย-ขวา
สำหรับวัดจากโมเดลสามมิติ เช่น วัดเส้นรอบอก, วัดเส้นรอบเข่า จะทำการวัดโดยใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งจะทำการวัดระยะตามเส้นทางที่วิ่งไปบนพื้นผิวของตำแหน่งที่กำหนด (ดังภาพ 7)
ภาพที่ 7 การวัดขนาดภาพร่างจากโมเดลสามมิติ
.
เครื่องสแกนสามมิติ การกำหนดจุดต่าง ๆ ที่จะทำการวัดในกระบือปลัก และเป็นจุดที่จะถูกกำหนดให้ทำการวัดด้วยเครื่องสแกนสามมิติ โดยมีจำนวน จุดที่ทำการวัดทั้งสิ้น 18 จุด ดัง ภาพที่ 8 ตารางที่ 1
ภาพที่ 8 จุดสำคัญ ๆ ที่ใช้วัดในการศึกษาครั้งนี้
ตารางที่ 1 แสดงจุดสำคัญจุดที่ใช้วัด
จุดที่สำคัญ | ตำแหน่งที่วัด | จุดที่วัด |
A | ความสูง | แนวขาหน้าถึงแผงไหล่ |
B | เส้นรอบอกด้านหน้า | วัดรอบอกหลังขาหน้าทั้งสองข้าง |
C | ช่วงไหล่ | วัดความกว้างไหล่ซ้ายและขวา เมื่อมองจากด้านบน |
D | ความกว้างสะโพก | วัดความกว้างระหว่างปุ่มกระดูกสะโพกซ้ายและขวา เมื่อมองจากด้านบน |
E | ความกว้างบั้นท้าย | วัดความกว้างระหว่างปุ่มกระดูกก้นกบซ้ายและขวา |
F | ไหล่-สะโพกซ้าย | วัดความยาวเป็นเส้นตรงจากบริเวณไหล่ถึงกระดูกสะโพกซ้าย |
G | ไหล่-สะโพกขวา | วัดความยาวเป็นเส้นตรงจากบริเวณไหล่ถึงกระดูกสะโพกขวา |
H | ปุ่มสะโพก-ก้นกบซ้าย | วัดความยาวระหว่างปุ่มกระดูกสะโพกถึงก้นกบด้านซ้าย |
I | ปุ่มสะโพก-ก้นกบขวา | วัดความยาวระหว่างปุ่มกระดูกสะโพกถึงก้นกบด้านขวา |
J1 | ไหล่-ปุ่มกระดูกท้ายซ้าย | วัดความยาวระหว่างปุ่มกระดูกไหล่ถึงกระดูกก้นกบด้านซ้าย |
J2 | ไหล่-ปุ่มกระดูกท้ายขวา | วัดความยาวระหว่างปุ่มกระดูกไหล่ถึงกระดูกก้นกบด้านขวา |
K | ความยาวหาง | วัดความยาวตั้งแต่โคนหางจนถึงปลายพู่หาง |
L | เส้นรอบวงเข่า | วัดเส้นรอบวงเข่าของขาหลัง(ข้างซ้าย) |
M | ความกว้างปลายเขา | วัดความกว้างระหว่างปลายสุดของเขาซ้ายและขวา |
N | ความกว้างกลางเขา | วัดความกว้างระหว่างส่วนกลางของเขาด้านในซ้ายและขวา |
O | ความกว้างฐานเขา | วัดความกว้างระหว่างฐานเขาด้านในซ้ายและขวา |
P | ความยาวเขา | วัดความยาวด้านนอกจากโคนเขาถึงปลายเขา(ข้างซ้าย) |
Q | เส้นจากเขา-มุมกระหม่อม | วัดระยะจากปลายเขาถึงโคนเขาตรงมุมกระหม่อมเป็นเส้นตรงทางด้านใน(ข้างซ้าย) |
2 การกำหนดคะแนนที่จะทำการวัดโดยนักวิชาการและปราชญ์
ได้มีการทำแบบประเมินสำหรับนักวิชาการและปราชญ์ชาวบ้านที่จะเป็นผู้ประเมินกระบือที่ทำการสแกน และให้น้ำหนักของคะแนนตามแบบประเมินดังแสดงในตัวอย่างภาพที่ 9 โดยน้ำหนักของคะแนนเป็นไปตามมาตรฐานที่มีผู้รายงานไว้ (12) โดยกำหนดคะแนนต่อไปนี้
ภาพร่างทั่วไป (รวมท่าเดิน+อารมณ์) 20 คะแนน
หัวและคอ 10 คะแนน
ส่วนหน้า 20 คะแนน
ส่วนลำตัว 12 คะแนน
ส่วนท้าย 30 คะแนน
อวัยวะสืบพันธุ์ 8 คะแนน
รวมทั้งหมด 100 คะแนน
โดยให้นักวิชาการและปราชญ์ทำเครื่องหมายในช่องที่ต้องการ โดยแบ่งเป็นหัวข้อละ 5 ระดับ แต่ละระดับมีน้ำหนักจากมากไปน้อยลดลง
คือ 100, 80, 60, 40 และ 20% ตามลำดับ
นำคะแนนเต็มในแต่ละหัวข้อมาคูณกับเปอร์เซ็นต์ที่ปราชญ์และนักวิชาการให้ได้ผลลัพธ์เป็นคะแนนของปราชญ์และนักวิชาการในหัวข้อนั้น ๆ เช่น ถ้าให้เครื่องหมายที่ ช่องดี (3) ของหัวข้อภาพร่างทั่วไป จะได้คะแนน = 0.6 X 20 = 12 คะแนน คะแนนในแต่ละหัวข้อนำมารวมกันเป็นคะแนนทั้งหมดของผู้ประเมินนั้น ๆ
ในการคิดคะแนน ถ้ามีนักวิชาการหรือปราชญ์หลายคน จะใช้คะแนนเฉลี่ย ที่ได้จากนักวิชาการ และคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากปราชญ์ ในการประเมินกระบือแต่ละตัว
กระบือในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นครพนม และสระแก้วจะได้รับการชั่งน้ำหนักด้วยเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล
3 การเสวนาเพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับกระบือสวยงาม
จัดให้มีการเสวนาร่วมกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ถึงลักษณะในอุดมคติซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดคะแนนและมาตรฐานของกระบือที่
- ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์สุรินทร์
- จังหวัดอุทัยธานี 2 ครั้ง (ตำบลหนองไผ่แบน และอำเภอหนองขาหย่าง)
- จังหวัดนครพนม (อำเภอศรีสงคราม)
ภาพที่ 9 แสดงเกณฑ์การตัดสินของนักวิชาการและปราชญ์
4 การวิเคราะห์ข้อมูล
- ศึกษาความแม่นยำของการประเมินค่าวัดจากเครื่องสแกนกับการวัดจริงด้วยสายวัด
- ทำการ Standardized ข้อมูลเพื่อแสดงผลเป็นค่าเฉลี่ย และ Standard error ให้สามารถเปรียบเทียบลักษณะที่ต่างไปจากค่าเฉลี่ย เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกระบือแต่ละตัวในแต่ละลักษณะได้ทั้งในเพศผู้และเพศเมียที่อายุต่าง ๆ กัน
- ศึกษาความสัมพันธ์ (correlation) ของลักษณะที่เป็นค่าวัด หรือ คะแนนของบางลักษณะกับคะแนนที่ได้จากปราชญ์ และนักวิชาการ
- รวบรวมข้อมูลที่ได้จากกระบือที่มีคะแนนดีเยี่ยมคือสูงมากกว่า 80%
- ศึกษาความสัมพันธ์การให้คะแนนของปราชญ์ชาวบ้านและนักวิชาการ
- นำข้อมูลจุดสำคัญ ๆ ที่ได้จากการวัดด้วยคอมพิวเตอร์มาประเมินน้ำหนักกระบือทั้งเพศผู้และเพศเมีย
- ศึกษาและรวบรวมข้อมูลของลักษณะอื่น ๆที่ไม่สามารถวัดด้วยเครื่องสแกน 3 มิติแต่นำมาใช้ในการพิจารณาของนักวิชาการและปราชญ์
5 สถิติที่ใช้
รายงานผลเป็นค่าเฉลี่ยค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน เปรียบเทียบข้อมูลในอายุต่าง ๆ โดยใช้ one way ANOVA และเปรียบเทียบระหว่างคู่ โดยใช้ Bonferroni ทำการประเมินการหาความสัมพันธ์โดยใช้สมการความสัมพันธ์เส้นตรงเชิงเดี่ยว(Simple linear regression) แบบเชิงซ้อน (Multiple linear regression) และ polynomial regression และหาค่าสหสัมพันธ์โดยใช้ Pearson correlation ผลการทดลองมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ หรือมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ค่า P<0.05