ควายงาม
“ ควาย ” หรือ “ กระบือ ” หรือ “ buffaloes ” เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่บนโลกนี้มาไม่น้อยกว่า 150 ล้านปี เริ่มจากการเป็นควายป่าที่ดุร้าย แล้วค่อยๆ กลายมาเป็นควายใจดีที่แสนเชื่อง และถูกคนนำมาชุบเลี้ยงเพื่อใช้แรงงาน มีบทบาทสำคัญต่อเกษตรกร จนกลายเป็น “ทหารเอก” ของชาวไร่ชาวนาในยุคสมัยที่เกษตรกรรมเฟื่องฟู ปรากฏหลักฐานว่ามีการนำควายมาเลี้ยงในตราประทับเมื่อราวๆ 3,000 ปี ก่อน ที่ Mohenjo Daro ใน Irag ควายเลี้ยงรู้จักกันในประเทศจีนในราว 2,000 ปี ก่อนพุทธศักราช และทางเหนือของประเทศอินเดียบริเวณหุบเขาอินดัส พบร่องรอยการเลี้ยงควายมาไม่ต่ำกว่า 4,500 ปี คนจีนเรียกควายว่า “ สุ่ยหนิว ” คนมาเลเซียเรียก “ เกอร์เบา ” และในภาษาฟิลิปปินส์เรียกว่า “ คาราบาว ” ชาวเขมรเรียกว่า “ กระบือ หรือ กระไบ ” และมีความเป็นไปได้ที่คำว่า กระบือในภาษาไทยน่าจะเลียนแบบมาจากคำภาษาเขมร แต่คำไทยแท้ที่เข้าใจกันและเรียกกันทั่วไปคือ “ ควาย ” คนไทยคุ้นเคยกับควายมานานพอๆกับรู้จักชาวนาและการทำนาปลูกข้าว เมืองไทยมีหลักฐานการเลี้ยงควายของชุมชนโบราณที่บ้านเชียงมาประมาณ 5,000 ปี
กระบือหรือควาย ของบ้านเราที่จะกล่าวถึงในที่นี้ คือกระบือปลัก ( swamp buffalo ) ซึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “ Bubalus bubalis ” จัดเป็นกระบือที่เลี้ยงในกลุ่ม Asian buffalo หรือนิยมเรียกกันทั่วโลกว่า water buffalo เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในครอบครัว ( family ) เดียวกับโค แต่คนละกลุ่มกัน กล่าวคือโคจัดอยู่ในกลุ่ม Bovina ส่วนกระบือ Asia อยู่ในกลุ่ม Bubalina ในขณะที่กระบือป่าแอฟริกัน ( African buffalo ) อยู่ในกลุ่ม Syncerina ตามรูปข้างล่าง
การจัดกระบือเอเชียทางชีววิทยา (Biological Classification of Buffalo) (Kerr, 1792) | |||
Kingdom | : | Animal | (อยู่ในอาณาจักรสัตว์) |
Phylum | : | Vertebrata | (เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง) |
Class | : | Mammalia | (เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) |
Subclass | : | Ungulata | (เป็นสัตว์มีกีบ) |
Order | : | Artiodactyla | (เป็นสัตว์กีบคู่) |
Suborder | : | Ruminantia | (เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง) |
Family | : | Bovidae | (เป็นสัตว์เขาคู่) |
Tribe | : | Bovini | (เป็นสัตว์เผ่าโค-กระบือ) |
Group | : | Bubalina | (กระบือเอเชีย) |
Genus | : | Bubalus | |
Species | : | Bubalis |
กระบือบ้านเอเชีย (The Asian Domestic Buffalo or The Water Buffalo)
เมื่อประมาณ 80 ปีมาแล้ว Macgregor ได้แบ่งกระบือพวกนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Swamp Type (กระบือปลัก) และ River Type (กระบือแม่น้ำ) กระบือปลัก ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่ใช้แรงงานในไร่นา มีการเลี้ยงกระจายอยู่เป็นวงกว้างตั้งแต่ประเทศจีนตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้นไปถึงแม่น้ำ Yangtse แผ่ไปทางตะวันออกถึงเวียดนาม ลาว เขมร ไทย พม่า อัสสัม เนปาลตอนเหนือ และศรีลังกา ทางใต้แผ่ไปถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กระบือปลักพวกนี้ได้ถูกนำไปเลี้ยงบ้างใน ออสเตรเลีย โอเชียเนีย บราซิล ตรินิแดด เซเนกัล ในอินเดียบางส่วนแถบรัฐมัธราฐ ส่วนกระบือแม่น้ำเป็นกระบือที่ได้รับการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ในประเทศอินเดียและปากีสถาน เพื่อเป็นกระบือนมซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายพันธุ์ บางพันธุ์ให้นมสูงมาก จะพบได้ในอินเดีย ปากีสถาน อียิปต์ ยุโรปตอนใต้ กระบือชนิดนี้เป็นกระบือนม ชอบน้ำสะอาด ไม่ชอบลงโคลน เช่น กระบืออียิปต์ กระบือคอเคเซียน และกระบือเมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น ข้อแตกต่างระหว่างกระบือ 2 ประเภทพอสรุปได้ดังนี้
เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างกระบือปลัก กับ กระบือแม่น้ำ
ลักษณะที่แตกต่าง | กระบือปลัก | กระบือแม่น้ำ |
1. จำนวนโครโมโซม | 2n = 48 | 2n = 50 |
2. รูปร่างภายนอก | ล่ำสัน บึกบึน ลำตัวสั้น ท้องใหญ่ หน้าผากแบนราบ ตากลมเด่นชัด หน้าสั้น จมูกกว้าง คอค่อนข้างยาว หัวไหล่และอกนูนเด่น หลังกว้าง บั้นท้ายหัก | หน้ายาว รอบอกเล็ก ขาใหญ่กว่า หลังยาวกว่า บั้นท้ายค่อยๆลาดลงไม่หักมาก |
3. สี | ผิวหนังสีเทาเมื่อเกิด แล้วค่อยๆกลายเป็นสีเทาดำเมื่อโตขึ้น มีบั้งคอสีขาว 2 บั้ง(chevron) มีจุดขาวที่แก้ม มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา และมีหนวดขาวที่ริมฝีปากบน | ผิวหนังมีสีดำ น้ำตาลดำ ขนดำ น้ำตาลดำ |
4. เขา | เขางอกออกด้านข้าง และโค้งในลักษณะครึ่งวงกลม หรือวงพระจันทร์ อยู่ในแนวใกล้เคียงกับระดับแนวใบหน้า | เขางอกลงด้านล่างและชี้ไปด้านหลัง แล้วโค้งขึ้นเป็นเกลียว |
5. พฤติกรรม | ชอบนอนแช่ในน้ำ และแช่ปลักโคลนมากกว่า | ชอบแช่ในน้ำลึกมากกว่า |
6. การใช้ประโยชน์ | ใช้แรงงาน และให้เนื้อเป็นหลัก | ให้นมเป็นหลัก มีใช้แรงงานบ้าง |